เมนู

4. ทุติยอัคคิสูตร


[44] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี ก็สมัย
นั้แล อุคคตสรีรพราหมณ์ตระเตรียมมหายัญ โคผู้ 500 ลูกโคผู้
500 ลูกโคเมีย 500 แพะ 500 แกะ 500 ถูกนำเข้าไปผูกไว้ที่หลัก
เพื่อบูชายัญ ลำดับนั้น อุคคตสรีรพราหมณ์ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้น
ผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดม
ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาดังนี้ว่า การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อน
พราหมณ์ แม้เราก็ได้ฟังมาว่า การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ
มีผลมาก มีอานิสงส์มาก แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ แม้ครั้งที่ 3 อุคคตสรีร-
พราหมณ์ก็ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์
ได้สดับมาดังนี้ว่า การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ มีผลมาก มี
อานิสงส์มาก.
พ. ก่อนพราหมณ์ แม้เราก็ได้ฟังมาว่า การก่อไฟ การ
ปักหลักบูชายัญมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้อความทั้งหมดของข้าพระองค์
สมกันกับข้อความของท่านพระโคดม.

เมื่ออุคคตสรีรพราหมณ์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์
ได้กล่าวกะอุคคตสรีรพราหมณ์ว่า ก่อนพราหมณ์ ท่านไม่ควร
ถามพระตถาคตอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์
ได้สดับมาดังนี้ว่า การก่อไฟ การปักหลักบูชายัญ มีผลมาก มี
อานิสงส์มาก แต่ท่านควรถามตถาคตอย่างนี้ว่า ข้าพระองค์เจริญ
ก็ข้าพระองค์ประสงค์จะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ขอพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าโปรด ตักเตือนสั่งสอนข้อที่จะพึงเป็นไป เพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แก่ข้าพระองค์เถิด ลำดับนั้นอุคคตสรีร-
พราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ข้าพระองค์ประสงค์จะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ขอท่านพระโคดม
โปรดตักเตือนสั่งสอนข้อที่จะพึงเป็นไป เพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขตลอดกาลนาน แก่ข้าพระองค์เถิด.
พ. ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ
ในการบูชายัญเบื้องต้นย่อมเงื้อศาตรา 3 ชนิด อันเป็นอกุศล มีทุกข์
เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก ศาตรา 3 ชนิดเป็นไฉน คือ ศาตรา
ทางกาย 1 ศาตราทางวาจา 1 ศาตราทางใจ 1 ดูก่อนพราหมณ์
บุคคลเมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ในการบูชายัญเบื้องต้นทีเดียว
ย่อมเกิดความคิดอย่างนี้ว่า ต้องฆ่าโคผู้เท่านี้ตัว ลูกโคผู้เท่านี้ตัว
ลูกโคเมียเท่านี้ตัว แพะเท่านี้ตัว แกะเท่านี้ตัว เพื่อบูชายัญ เขาคิดว่า
จะทำบุญแต่กลับทำบาป คิดว่าจะทำกุศล กลับทำอกุศล คิดว่าจะ
แสวงหาทางสุคติ กลับแสวงหาทางทุคติ ก่อนพราหมณ์ บุคคล
เมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ในการบูชายัญเบื้องต้นทีเดียว ย่อม

เงื้อศาตราทางใจข้อที่ 1 นี้ อันเป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์
เป็นวิบาก.
อีกประการหนึ่ง บุคคลเมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ใน
การบูชายัญเบื้องต้นทีเดียว ย่อมกล่าววาจา (สั่ง) อย่างนี้ว่า จงฆ่า
โคผู้เท่านี้ตัว ลูกโคผู้เท่านี้ตัว ลูกโคเมียเท่านี้ตัว แพะเท่านี้ตัว แกะ
เท่านี้ตัว เพื่อบูชายัญ เขาสั่งว่าจะทำบุญกลับทำบาป เขาสั่งว่าจะ
ทำกุศล กลับทำอกุศล เขาสั่งว่าจะแสวงหาทางสุคติ กลับแสวงหา
ทางทุคติ ดูก่อนพราหมณ์ เมื่อบุคคลจะก่อไฟ. ปักหลักบูชายัญ
ในการบูชายัญ เบื้องต้นทีเดียว ย่อมเงื้อศาตราทางวาจาข้อที่ 2 นี้
อันเป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก.
อีกประการหนึ่ง บุคคลเมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ในการ
บูชายัญ เบื้องต้นทีเดียว ย่อมลงมือด้วยตนเองก่อน คือต้องฆ่าโคผู้
ลูกโคผู้ ลูกโคเมีย แพะ แกะ เพื่อบูชายัญ เขาลงมือว่าจะทำบุญ
กลับทำบาป ลงมือว่าจะทำกุศล กลับทำอกุศล ลงมือว่าจะแสวงหา
ทางสุคติ กลับแสวงหาทางทุคติ ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ
ปักหลักบูชายัญ ในการบูชายัญ เบื้องต้นทีเดียว ย่อมเงื้อศาตรา
ทางกายข้อที่ 3 นี้ อันเป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก
ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลเมื่อจะก่อไฟ ปักหลักบูชายัญ ในการบูชายัญ
เบื้องต้นทีเดียว ย่อมเงื้อศาตรา 3 อย่างนี้ อันเป็นอกุศล มีทุกข์เป็น
กำไร มีทุกข์เป็นวิบาก ดูก่อนพราหมณ์ ท่านพึงละ พึงเว้น ไม่พึง
เสพไฟ 3 กองนี้ 3 กองเป็นไฉน ไฟคือราคะ 1 ไฟคือโทสะ 1 ไฟ
คือโมหะ 1 ดูก่อนพราหมณ์ ก็เพราะเหตุไรจึงพึงละ พึงเว้น ไม่พึง

เสพไฟคือราคะนี้ เพราะบุคคลผู้กำหนัดอันราคะครอบงำย่ำยีจิต
ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจได้ ครั้นประพฤติทุจริต
ทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก ฉะนั้น จึงพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือราคะนี้ ก็
เพราะเหตุไร จึงพึงละพึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือผู้โกรธ อันโทสะ
ครอบงำย่ำยีจิต ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจได้
โทสะนี้ เพราะบุคคลครั้นประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจ
แล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุติ วินิบาต นรก ฉะนั้น จึง
พึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือโทสะนี้ ก็เพราะเหตุไร จึงพึงละ
พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟคือโมหะนี้ เพราะบุคคลผู้หลงอันโมหะครอบงำ
ย่ำยีจิต ย่อมประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจได้ ครั้น
ประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อม
เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฉะนั้น จึงพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟ
คือโมหะนี้ ดูก่อนพราหมณ์ ท่านพึงละ พึงเว้น ไม่พึงเสพไฟ 3 กอง
นี้แล ดูก่อนพราหมณ์ ไฟ 3 กองนี้ควรสักการะ เคารพ นับถือ
บูชา บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ 3 กองเป็นไฉน คือ ไฟคืออาหุไนย-
บุคคล 1 ไฟคือคหบดี 1 ไฟคือทักขิไณยบุคคล 1 ก่อนพราหมณ์
ก็ไฟคืออาหุไนยบุคคลเป็นไฉน ก่อนพราหมณ์ คนในโลกนี้ คือ
มารดาหรือบิดา เรียกว่าไฟคืออาหุไนยบุคคล ข้อนั้นเพราะอะไร
เพราะบุคคลเกิดมาแต่มารดาบิดานี้ ฉะนั้น ไฟคืออาหุไนยบุคคล
จึงควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ
ก็ไฟคือคหบดีเป็นไฉน ตนในโลกนี้คือ บุตร ภรรยา ทาส หรือคนใช้

นี้เรียกว่าไฟคือคหบดี ฉะนั้น ไฟคือคหบดีจึงควรสักการะ เคารพ
นับถือ บูชา บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ ก็ไฟคือทักขิไณยบุคคล
เป็นไฉน สมณพราหมณ์ในโลกนี้ งดเว้นจากความมัวเมาประมาท
ตั้งอยู่ในขันติและโสรัจจะ ฝึกฝนจิตใจให้สงบ ดับร้อนได้เป็นเอก
นี้เรียกว่าไฟคือทักขิไณยบุคคล ฉะนั้น ไฟคือทักขิไณยบุคคลนี้
จึงควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ
ดูก่อนพราหมณ์ ไฟ 3 กองนี้แล ควรสักการะ เคารพนับถือ บูชา
บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ ส่วนไฟที่เกิดแต่ไม้ พึงก่อให้โพลงขึ้น
พึงเพ่งดู พึงดับ พึงเก็บไว้ตามกาลที่สมควร.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว อุคคตสรีรพราหมณ์
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิต
ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมผู้เจริญ โปรดทรง
จำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้จะปล่อยโคผู้
500 ลูกโคผู้ 500 ลูกโคเมีย 50 แพะ 500 แกะ 500 ให้ชีวิตมัน
พวกมันจะได้พากันไปกินหญ้าอันเขียวสด ดื่มน้ำเย็นสะอาด และ
รับลมอันเย็นสดชื่น.
จบ อคคิสูตรที่ 4

อรรถกถาอัคคิสูตรที่ 4


ทุติยอัคคิสูตรที่ 4

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้
บทว่า อคฺคตสรีรสฺส ความว่า ได้ยินว่าพราหมณ์มหาศาลนั้น
เป็นผู้สูงโดยอัตตภาพ ถึงสารสมบัติโดยโภคะ เพราะเหตุนั้น จึงปรากฏ
ชื่อว่าพราหมณ์ผู้มีตัวสูง. บทว่า อุปกฺขโฏ ได้แก่ ตระเตรียม
บทว่า ถูณูปนีตานิ ได้แก่ นำเข้าไปสู่เสา กล่าวคือ หลักการกระทำ
บูชายัญ บทว่า ยญฺยตฺถาย ได้แก่เพื่อประโยชน์แก่การฆ่าบูชายัญ
บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า ได้ยินว่า พราหมณ์นั้นจัดเตรียมเครื่อง
ประกอบยัญทั้งหมดนั้นแล้ว คิดว่า ได้ยินว่า พระสมณะโคดม
เป็นผู้มีปัญญามาก พระองค์จักตรัสสรรเสริญยัญของเราหรือหนอ
หรือว่าตรัสติเตียน เราจักทูลถามจึงจะรู้ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า บทว่า อคฺคิสฺส อาธานํ ความว่า การก่อไฟ
อันเป็นมงคล 9 ประการ เพื่อบูชายัญ. ด้วยบทว่า สพฺเพน สพฺพํ
นี้ อุคคตสรีรพราหมณ์ แสดงว่า สูตรทั้งหมดที่เราฟังมาแล้ว ย่อม
เทียบเคียงกันได้ ย่อมเป็นอย่างเดียวกันกับสูตรทั้งหมด.
บทว่า สตฺถานิ ความว่า ที่ชื่อว่าศาสตร์ เพราะเป็นเหมือน
สัตรา โดยอรรถว่า เป็นเครื่องเบียดเบียน.
บทว่า สยํ ปฐมํ สมารภติ ความว่า เริ่มด้วยตนเองก่อนทีเดียว.
บทว่า หญฺญนฺตุ แปลว่า จงฆ่า. บทว่า ปริหาตพฺพา แปลว่า
พึงปริหาร. บทว่า อิโต หยํ ตัดเป็น อิโต หิ มาตาปิติโต อยํ